จงอยู่อย่างตะเกียบข้างเดียว แม้ว่ามันจะเงียบเหงา ไร้ญาติ ไร้มิตร ไร้คู่ ไร้ใจ แต่มันก็คือสัจธรรมของชีวิตจริงๆ
- รายละเอียด
- เขียนโดย BCCChannel.net
- เผยแพร่เมื่อ: วันจันทร์, 30 ธันวาคม 2567 09:34
จงอยู่อย่างตะเกียบข้างเดียว แม้ว่ามันจะเงียบเหงา ไร้ญาติ ไร้มิตร ไร้คู่ ไร้ใจ แต่มันก็คือสัจธรรมของชีวิตจริงๆ
* เราต้องเริ่มปลงตั้งแต่วันนี้ และในวันที่เราสิ้นลมหายใจ เราจะได้ไม่รู้สึกเหงา และเปล่าเปลี่ยว เพราะว่า สุดท้ายแล้วเราก็ไม่สามารถเอาอะไรติดตามเราไปได้เลย ยกเว้นคุณธรรม ความดี ให้คนได้จดจำบ้างในช่วงที่เรายังพอมีลมหายใจ และยังมีชีวิตอยู่
* มันคือสัจธรรม และความจริงของชีวิตจร้า!
ก็จริงเน้อ
เราจงอย่าคาดหวังกับการคาดหวังว่า คนที่เราช่วย หรือเคยช่วย เค้าจะต้องช่วยเหลือเรากลับในทุกๆ ครั้ง และทุกๆ เคส
มันไม่ใช่อย่างที่คิดนะจร้า อิอิ
มันก็แค่เป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันเท่านั้น
เราอาจจะมีทุกข์ร่วมเสพกับคนที่เรารู้จัก และกำลังประสบพบเจอกับปัญหาต่างๆ มากมายที่กำลังถาโถมเข้าหาเค้าอยู่
แต่คุณอย่าไปคิดไกลเกินไปว่า เมื่อคุณเดือดร้อนแล้ว เค้าจะต้องมานั่งร่วมเสพความทุกข์กับเราเช่นกัน หรือเหมือนๆ กัน เพราะโลกนี้มันมักจะสะท้อนให้เหตุถึงมุมมองแบบนี้ได้เสมอๆ นั่นย่อมโชว์ และแสดงให้เห็นถึงความไม่เที่ยงของชีวิตที่เราไม่สามารถไปยึดติดกับเรื่องที่ว่าเหล่านี้ เพราะในสถานการณ์จริง มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนี้เลยนะจร้า
ภาพสวย ภาพมายา ล้วนเป็นภาพที่เราสร้างขึ้นจริง จินตนาการขึ้นจริง แต่สำหรับเราแล้ว ในชีวิตจริงของเรานั้น เราอาจจะไม่ได้เห็น หรือเป็นดั่งภาพเหล่านี้ก็ได้ เราจึงมักจะได้เห็นแต่การสร้างภาพเสียเป็นส่วนใหญ่ เฮ้อ ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ ตนจึงเป็นที่พึ่งแห่งตนจริงๆ นะจร้า
คำนี้เริ่มชัดขึ้นทุกครั้งกับเรา คือ เอ็นดูเค้า เอ็นเราขาด, ใครจะจมน้ำ ปล่อยให้เค้าจมไป, ความทุกข์ของเราเป็นเรื่องใหญ่ ความทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องเล็ก, โลกทั้งใบเหลือแต่เราเพียงคนเดียว, จงจริงใจกับตัวเองให้มากที่สุด หรือ คนที่เป็นห่วงเราที่สุดนั่นก็คือตัวเราเอง เป็นต้น
เราเริ่มรู้สึก และสำนึกได้ว่า เราเกิดมาคนเดียว ตายไป ก็ไปคนเดียว ไม่มีใครตามเราไปด้วย ยิ่งอยู่ไป ยิ่งเหลือตะเกียบข้างเดียว ยิ่งอยู่ไปยิ่งเงียบเหงาไร้ตัวตน เฮ้อ สัจธรรมของชีวิตจริงๆ
เสียดายเราไม่มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกันกับคุณพ่อคุณแม่เรา หรือมีครอบครัว ภรรยา และลูกของเราเอง ถ้าเราพอมี มันก็อาจจะพอช่วยบรรเทาความเหงาในใจเราลงได้บ้างนะจร้า อิอิ
สายน้ำย่อมมีขึ้นมีลง สายน้ำย่อมไม่มีวันไหลกลับ แล้วนับประสาอะไรกับจิตใจของเราที่มันจะอ่อนไหว และไหลไปตามสายน้ำ หรือไหลทวนน้ำได้เช่นกันในบางช่วง และบางเวลา ยิ่งในวันและเวลาที่สายน้ำพัดผ่านไปแล้วอย่างค่อนชีวิตอย่างเรา บางทีมานั่งหวนทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆ ในอดีตที่บางทีก็สนุก บางทีก็ทุกข์ บางทีก็น่าเวทนา และที่สำคัญ บางทีก็รู้สึกขมขื่นสุดๆ เลยนะจร้า มันสะท้อนให้เราได้เห็นถึงสัจธรรม ความจริง และความชัดเจนของการเป็นอยู่อย่าง “ตะเกียบข้างเดียว” ได้ดีที่สุดเลยน้าจร้า เฮ้อ!
ตำนานเหลือ “ตะเกียบข้างเดียว” ของเราน้าจร้า อิอิ มันสะท้อนจากความคิดและจินตนาการของตัวเราเองล้วนๆ ที่ได้เห็นภาพฉาย ภาพมายา หรือมายาภาพในตัวของเราเองน้าจร้า