ถ้าเซียนพระ (ที่เราไปเช่าหา) รักษาสัจจะ เราก็แบ่งคืนพระได้ แต่ถ้าเซียนไม่รักษาสัจจะ เราก็เจ็บ และจุกจนถึงทุกวันนี้
- รายละเอียด
- เขียนโดย BCCChannel.net
- เผยแพร่เมื่อ: วันจันทร์, 04 กันยายน 2566 17:31
ถ้าเซียนพระ (ที่เราไปเช่าหา) รักษาสัจจะ เราก็แบ่งคืนพระได้ แต่ถ้าเซียนไม่รักษาสัจจะ เราก็เจ็บ และจุกจนถึงทุกวันนี้
ถ้าพี่รักษาคำพูดหน่อย ผมก็คงพอจะหายใจคล่องขึ้นอีกสักนิดนะจร้า ตอนผมถูกหลอกขายพระปลอม ผมก็ทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสแล้ว ไหนจะเจอเซียนพระบางท่านฝากด่าบุพการีอีก
ดังนั้น ทุกก้าวเดินของผม ผมจึงพยายามศึกษาจากความล้มเหลวของผม ผมพยายามเลือกเช่าจากเซียนพระที่ผมคิดว่าไว้ใจได้ที่สุด สุดท้ายผมก็แบ่งปันพระเครื่องที่เคยเช่าคืนกับเซียนพระที่ผมไปเช่าหาไม่ได้จนถึงทุกวันนี้
มีเซียนพระท่านหนึ่งก็เคยบอกผมว่า เวลาเค้าจะเช่าพระจากลูกค้า ส่วนใหญ่ เค้าจะซื้อเข้าประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ของราคาขายในปัจจุบัน เพราะต้องแบกรับต้นทุนในเรื่องต่างๆ นะครับ ดังนั้น ผมเองในช่วงที่ผ่านมา ก็มีความจำเป็นต้องแบ่งปันพระเครื่องออกไปเช่นกัน เพื่อประทังชีวิต บางทีราคาตลาด กับราคารับซื้อก็แตกต่างกันสูงเหมือนกัน
แต่ด้วยความจำเป็นจึงต้องตัดแบ่งออกไป สุดท้ายมานั่งทุกข์ใจอยู่จนถึงทุกวันนี้ ที่เราไม่สามารถรักษาของรักของหวงของเราได้ และที่ซ้ำร้าย พระเครื่องที่เราเคยมีครอบครองตอนนี้ราคาวิ่งไปไกลกว่าที่เราเคยแบ่งปันค่อนข้างมาก หรือบางรุ่น บางองค์ ราคาผิดกันกว่าหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
ในอนาคต ถ้าเราอยากจะเช่าหาใหม่ ก็คงต้องใช้เม็ดเงินสูงขึ้นอย่างมาก และพระบางองค์ เราอาจจะหาสวยเหมือนกับที่เราเคยครอบครองไม่ได้ ก็มีครับผม เมื่อหลุดออกจากความครอบครองของเราไปแล้วนะครับผม
ทุกอย่างล้วนเป็นสัจจะธรรมของชีวิต เพราะเมื่อเราไม่มีเงิน ไม่มีหนทาง ทางที่ช่วยพยุงเราได้ คือ แบ่งปันของเก่า และของสะสม แบ่งไปแบ่งมาหมด ทีนี้จะเอาอะไรรับประทานต่อ เป็นเรื่องที่ต้องคิด และคิดจนผมขาวขึ้นแทนที่ผมดำเยอะมากๆ แล้วนะจร้า อิอิ
เครียด มีเพื่อนๆ บางท่านบอก พยายามอย่าเครียด แต่มันก็อดใจไม่ให้เครียดไม่ได้จริงๆ เพราะหนี้สินไม่ลดลงเลย วันๆ ต้องวิ่งวุ่นหาเงินมาจ่ายหนี้ จ่ายค่าดอก และใช้จ่าย ถ้าเราได้พักบ้างก็คงจะดี แต่เนี่ยมันพักไม่ได้เลย เพราะเป็นหนี้ที่เรากู้มาใช้ตั้งแต่ในอดีตจริงๆ นะจร้า