คิดถึงคุณตา : (ภาค 60)

คิดถึงคุณตา : (ภาค 60)

Mr.How020962

ถ้าเราคิดว่าเราสามารถแก้ไขปัญหาได้ เราก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ถ้าเราคิดว่า เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เราก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

แล้วเราควรจะทำอย่างใด และเราจะแก้ไขปัญหาอย่างใด หรือถ้าเราพบเจอกับปัญหาที่นอกเหนือจากที่เราคาดคิด คาดหวัง และคำนวณเอาไว้แล้ว เราจะทำอย่างใด

เหล่านี้ล้วนเป็นประเด็นคำถาม และเราต้องมองหาคำตอบว่า เราจะทำอย่างใด แล้วก็หันกลับมาทวนคำถามอีกว่า แล้วเราจะทำอย่างใด

หนึ่งในสิ่งที่ผมกราบขออนุญาตนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาของผม คือ

“อาเฮาอย่าคิดมาก ค่อยๆ คิด ค่อยๆ แก้ปัญหานะ อย่าไปวิตกกังวลมากนัก” คุณตาท่านเคยบอกกับผมในช่วงที่ผ่านมา

คำพูดของคุณตานี้ ทำให้เรามีแรง และพลัง พร้อมกับความหวังในการปรับแก้ไขกับปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนั้น แม้ว่าจะไม่สามารถใช้แก้ไขปัญหาได้ในทันที และอาจจะต้องใช้เวลานานสักหน่อยในการแก้ไขปัญหาในครั้งนั้น

แต่ถ้าเรามีแรง และพลังที่ดีขึ้น มีกำลังใจที่เพิ่มขึ้น ในที่สุด หรือสักวันหนึ่งเราคงจะสามารถผ่านพ้นกับอุปสรรค และปัญหาต่างๆ เหล่านี้ไปได้ ก็เหมือนกับปัญหาที่ผมเคยพบเจอในครั้งนั้น เป็นต้น

ถ้าถามผมว่า การแก้ไขปัญหาและอุปสรรคนั้นต้องใช้เวลานานแค่ไหน

สำหรับผมแล้ว ผมบอกตรงๆ ว่าผมก็คาดเดาไม่ได้เช่นกัน เพราะปัญหาแต่ละปัญหานั้นใช้เวลาแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน บางกรณีใช้เวลาไม่นาน บางกรณีใช้เวลานาน หรือบางกรณีไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆ ได้เลย

ดังนั้น เวลาในการแก้ไขปัญหาจึงตอบได้ยากว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน และที่สำคัญ อาจจะบอกไม่ได้ด้วยว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้จริงๆ และได้สำเร็จด้วย

งั้นถามใหม่ว่า การแก้ไขปัญหา กับ คำสอนของคุณตานั้น ช่วยเราได้อย่างใด (โดยเฉพาะมุมมองในการที่อยากจะแก้ไขปัญหาที่กำลังประสบพบเจออยู่นั้น)

สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่า ผมได้สติ และมีสมาธิเพิ่มขึ้น โดยผมพยายามรวบรวมพละกำลังเท่าที่ตัวเองมี และนำมาปรับแก้ไขกับปัญหาต่างๆ ให้ค่อยๆ ผ่านพ้นไปให้ได้ โดยคำสอนของคุณตาทำให้ผมคิดย้อนกลับไปถึงสาเหตุของปัญหา และมองหาคำตอบของปัญหา โดยแบ่งออกเป็นข้อๆ ดูว่าข้อไหนเราสามารถแก้ไขได้บ้าง และมีข้อไหนที่เราไม่สามารถแก้ไขได้เลย และต้องปล่อยทิ้งไป

เมื่อเรารวบรวมประเด็นคำถาม และหาคำตอบได้แล้ว จึงค่อยๆ เริ่มแก้ไขปัญหาในแต่ละข้อ

ถามว่า แล้วจะทำได้จริงหรือไม่นั้น

กราบเรียนตามตรงว่า อาจจะทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง แต่อย่างน้อยๆ การค่อยๆ คิด ค่อยๆ แก้ปัญหา และพยายามอย่าวิตกกังวลใจมากนักก็ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายเพิ่มขึ้น

อย่างน้อยๆ เราได้แง่คิดบวกโดยการมองไปหาแก่นของปัญหาและอุปสรรคได้เพิ่มขึ้น และที่สำคัญ เรายังได้รู้เพิ่มอีกว่า คุณตาท่านเป็นห่วงเราอยู่ ดังนั้น เราต้องสู้ และอย่าทำให้คุณตาต้องมาทุกข์ใจเป็นเพื่อนเราด้วย แม้ว่าจะทำได้ยาก แต่เราต้องพยายามทำให้ได้

มาถึงตรงนี้

นับว่าเป็นไฮไลท์สำคัญที่เรายังคงมองย้อนกลับไปกลับมาที่ตัวเอง และตั้งคำถามขึ้นมาในใจอีกหลายๆ ครั้งว่า แล้วเราจะสามารถแก้ไขปัญหาได้จริงๆ หรือ หรือว่า เราจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมดเลยหรือ ในเมื่อปัญหาที่กำลังพบเจออยู่นั้น จะว่าไปแล้ว หรือเอาเข้าจริงๆ นั้นอาจจะไม่ง่ายที่จะแก้ไขเลยจริงๆ

พูดก็พูด ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่า เราไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ในขณะนั้น แต่ก็บอกกับตัวเองว่า เราจะต้องพยายามแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุด โดยนำคำสอนของคุณตาที่ว่า “ค่อยๆ คิด ค่อยๆ แก้ปัญหา อย่าไปวิตกกังวลมากนัก” มาใช้ในการสร้างแรงบันดาลใจ และแรงผลักดันให้กับตัวเอง

หลังจากที่ได้ยึดหลักคำสอนของคุณตามาเป็นแบบอย่างแล้ว ถามว่า เราได้อะไรบ้าง

สิ่งที่เราได้รับในครั้งนั้น คือ 1. ช่วยทำให้ผมรู้สึกเบาใจ 2. คลายความวิตกกังวลและความเครียดลง 3. พยายามย้อนกลับไปค้นหาต้นตอของปัญหาอีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้ง 4. นั่งทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้นไปมา และสุดท้าย คือ 5. เดินหน้าไปพร้อมๆ กับจังหวะในการแก้ไขปัญหา และอุปสรรค (ทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้)

มาถึงตรงนี้ การยึดหลักปฏิบัติ 5 ข้อดังกล่าวนี้ อย่างน้อยๆ ช่วยทำให้เราหยุดเครียด อีกทั้งยังช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย มีสติ มีสมาธิ มีความหวัง และหลีกเลี่ยงความไม่สบายใจ เพราะอาจจะทำให้เราล้มป่วยได้ในที่สุด

ในที่สุดเราทำได้ เราทำได้สำเร็จ เราสามารถเดินก้าวผ่านปัญหาและอุปสรรคในครั้งนั้นไปได้แล้ว

คุณตาท่านช่วยทำให้เราก้าวพ้นกับปัญหาและอุปสรรคในครั้งนั้นไปได้แล้ว

และในช่วงที่ผ่านมา เราพยายามยึดรูปแบบการแก้ไขปัญหาในครั้งนั้น และพยายามทำตามคำสอนของคุณตาในอดีต ครั้นเวลาเราต้องพบเจอกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต

จะว่าไปแล้ว ผมรู้สึกได้ว่าคำสอนของคุณตาแม้ว่าจะดูเรียบๆ และง่ายๆ แต่เป็นเหมือนกับยาทิพย์ และน้ำทิพย์ที่ช่วยเพิ่มพลังบวกให้กับผมได้เป็นอย่างดี โดยเป็นพลังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา ความกรุณา ความหวังดี และความเป็นห่วง ซึ่งทำให้เรารู้สึกดี รู้สึกมีพละกำลัง และพร้อมที่จะลุกขึ้นยืน และเดินหน้าไปพร้อมๆ กับการค่อยๆ ปรับแก้ไขกับปัญหา และอุปสรรคที่กำลังประสบพบเจออยู่ในแต่ละช่วงของเวลา

นอกจากคำสอนที่ว่า “อาเฮาอย่าคิดมาก ค่อยๆ คิด ค่อยๆ แก้ปัญหานะ อย่าไปวิตกกังวลมากนัก” แล้ว ยังมีอีก 1 คำสอนที่ผมรู้สึกประทับใจเป็นที่สุด โดยเฉพาะคำสอนที่คุณตาบอกว่า “ถ้าคุณตาพอจะช่วยอะไรได้ คุณตาก็อยากจะช่วยผมครับ”

ขนาดคุณตาท่านยังอยากจะช่วยผมเลย

แล้วทำไมเราถึงไม่มีความคิดที่จะช่วยตัวเอง เพราะอย่างน้อยๆ ก็ช่วยทำให้ตัวเราเองคิดบวก และคิดว่าเราจะสามารถก้าวผ่านกับปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ไปได้

เราต้องคิดบวก พร้อมกับตั้งคำถามเพิ่มว่า

ทำไมเราไม่ฮึดสู้กับปัญหา ทำไมเราท้อถอยอย่างเดียว ทำไม ทำไม ทำไม โดยเฉพาะในตอนที่ผมกำลังประสบพบเจอกับปัญหาอยู่นั้น จะมีคำว่า ทำไม ทำไม ทำไม หมุนเวียนขึ้นมาให้เราทวนความคิดอยู่ตลอดเวลาว่า ทำไม ทำไม ทำไม

สุดท้ายเราคิดว่า เราต้องหยุดคิดว่า “ทำไม” แล้ว และเริ่มหันมาคิดถึงคำว่าเราจะไม่ “ทำไม” ได้อย่างใด

มาถึงตรงนี้ เราจึงเริ่มมองเห็นแก่นแท้ของปัญหาได้อย่างชัดเจนขึ้น โดยนึกย้อนกันไปมาระหว่าง “อาเฮาอย่าคิดมาก ค่อยๆ คิด ค่อยๆ แก้ปัญหานะ อย่าไปวิตกกังวลมากนัก” และ “ถ้าคุณตาพอจะช่วยอะไรได้ คุณตาก็อยากจะช่วยผมครับ”

คำสอนของคุณตาทั้ง 2 แบบนี้ ได้ช่วยเตือนสติเรา และช่วยทำให้เรามีความหวัง และแรงกำลังในการค่อยๆ ปรับแก้ไขกับปัญหา และอุปสรรคที่พบเจอ

เราต้องคิดบวก และพยายามคิดอยู่ในใจว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องแก้ไขกับปัญหา และสามารถผ่านพ้นกับอุปสรรคต่างๆ เหล่านี้ไปได้

หรือถ้าในบางครั้งที่เราเองไม่สามารถก้าวผ่านกับปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ไปได้จริงๆ แต่อย่างน้อยๆ บทเรียนเหล่านี้ได้สอนให้เรารู้ว่า คุณไม่ได้เดินหน้าต่อสู้กับปัญหาเพียงลำพัง คุณยังมีคนที่คุณรักและรักคุณคอยยืนเป็นเพื่อนคุณเสมอมา อย่างเช่นคุณตาของผม เป็นต้น

ในทุกวันนี้ ผมยังเชื่อว่าคุณตาท่านยังคงเฝ้ามองผมอยู่ คุณตาท่านยังคงให้ความเมตตา กรุณา ให้ความรัก ความเอ็นดู และคอยเป็นกำลังใจให้กับผมอยู่ ผมเชื่ออย่างนี้ครับ ผมรักคุณตาครับ

กราบขอบพระคุณคำสอนของคุณตา และคำสอนของคุณตานี้เป็นเหมือนกับน้ำทิพย์ และยาทิพย์ทำให้เราต้องฮึดสู้กับปัญหา และอุปสรรคในแต่ละครั้ง โดยทุกครั้งนั้นแม้ว่าเรากำลังสิ้นหวังก็ต้องคิดบวก และคิดว่า สุดท้ายแล้วเราจะสามารถก้าวผ่านกับปัญหา และอุปสรรคไปได้ โดยเราจะสามารถค้นพบกับแก่นของปัญหาได้โดยเร็ว และใช้เวลาเพียงน้อยนิดในการแก้ไขกับปัญหาดังกล่าว

กราบขอบพระคุณคุณตาที่สุดเลยนะครับผม