“เทพเจ้ากวนอู” เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์และยุติธรรม

“เทพเจ้ากวนอู”

เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์และยุติธรรม

Arkong

ความศักดิ์สิทธิ์ของ “เทพเจ้ากวนอู” ที่ศาลเจ้าพ่อกวนอู ตรงบริเวณชุมชนชาวตลาดสมเด็จเจ้าพระยา และผ้ายันต์ของอากงที่ศักดิ์สิทธิ์มากๆ และกราบขออนุญาตถ่ายภาพผ้ายันต์ของอากงจากลูกศิษย์ที่ใกล้ชิด และหวงแหนผ้ายันต์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจนถึงวันนี้น่าจะเหลือไม่มากแล้วครับผม

อีกทั้งลูกศิษย์ต่างหวงแหนเป็นที่สุด เพราะทุกผืนนั้นกว่าจะได้รับมานั้นจะต้องผ่านพิธีการลุยไฟมาด้วยตัวเองเลยครับผม หรือตามประวัติที่เล่าสืบต่อกันมา คือ ต้องนำน้ำมันหลายๆ ปี๊บมาแลกกับผ้ายันต์ 1 ผืนเลยทีเดียวครับผม

https://www.youtube.com/watch?v=jmd32tmL-8o

ประวัติคร่าวๆ ของผ้ายันต์ท่านอากง "เทพเจ้ากวนอู"

Arkong010560 3

จากการสอบถามท่านผู้รู้ในช่วงที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องผ้ายันต์ของอากง “เทพเจ้ากวนอู” นั้น ได้สร้างและเริ่มแจกให้กับลูกศิษย์ในยุคปี 2500-2530 (ตัวเลขบวกลบนิดหน่อยครับ) เป็นต้นมา โดยเรื่องของเรื่อง คือสมัยก่อนจะมีการเข้าทรงท่าน “เทพเจ้ากวนอู” โดยอาเหล่าแปะ หรือที่คนในบริเวณชุมชนตลาดสมเด็จฯ จะรู้จักกันในนามว่า "จับเกี๊ยมแปะ" ท่านจะมีองค์ประทับของอากงท่าน “เทพเจ้ากวนอู” และในยุคแรกนั้นจะมีลูกศิษย์ที่ใกล้ชิด และกราบขออนุญาตขอฝากตัวขอเป็นศิษย์ท่าน “เทพเจ้ากวนอู” แห่งศาลเจ้าพ่อกวนอูแห่งนี้ด้วยกัน 5 ท่าน

โดยท่านแรก ขออนุญาตเรียกชื่อว่า เซี๊ยะกายเจ็ก (ท่านเป็นคุณตาของผมเองครับ) ท่านที่ 2 ขออนุญาตเรียกว่า อาเหล่าแปะ หรือเป่งแปะ ท่านที่ 3 ขออนุญาตเรียกว่า อาเหล่ากู๋ หรือ ฮงจั่วกู๋ ท่านที่ 4 อาเหล่าเจ็ก หรือ ชั่งเจ็ก และท่านที่ 5 อาเหล่าเจ็ก หรือ อุ๊ยเจ็ก (โดยอาเหล่าเจ็ก ชั่งเจ็ก และอุ๊ยเจ็ก ท่านเป็นพี่น้องกันครับผม)

และลูกศิษย์ใกล้ชิดในยุคแรกๆ อีกท่านหนึ่งซึ่งมีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญ และได้รับมอบหมายหน้าที่หลักให้เป็นคนเขียนอักษรลงบนผืนผ้ายันต์ของอากงท่าน “เทพเจ้ากวนอู” คือ อากู๋สี่ หรืออากู๋จั๊กเซี้ยะ แซ่เฮ้ง (ท่านมีศักดิ์เป็นพี่ชายบุญธรรมของคุณแม่ผมครับ) ซึ่งท่านเคยเล่าให้ผมฟังในช่วงก่อนหน้าเกือบสิบปีแล้วว่า ท่านเป็นคนเขียนอักษรลงบนผืนผ้ายันต์ของอากง “เทพเจ้ากวนอู” เผื่อแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ โดยกว่าจะแจกให้กับลูกศิษย์ได้นั้นต้องผ่านพิธีการต่างๆ อีกมากมาย และผ่านการปลุกเสกโดยท่าน "จับเกี๊ยมแปะ" หรืออาเหล่าแปะ ซึ่งท่านมีองค์ประทับของท่านอากง “เทพเจ้ากวนอู” พร้อมกับประทับตราส่วนตัวของอากงท่าน “เทพเจ้ากวนอู” ถึงจะเป็นการเสร็จสิ้นพิธี และนำออกแจกให้กับลูกศิษย์แต่ละท่าน

Arkong010560 6

สมัยก่อนอย่างที่ได้กล่าวให้ทราบในเบื้องต้นแล้วว่า กว่าจะได้รับผ้ายันต์แต่ละผืนนั้นต้องผ่านพิธีลุยไฟด้วยตัวเอง โดยที่ศาลเจ้าพ่อกวนอูแห่งนี้สมัยก่อนจะมีการจัดพิธีเฉลิมฉลอง และมีการจัดพิธีลุยไฟในเทศกาลต่างๆ อยู่เป็นประจำ รวมถึงจากคำบอกเล่าของบรรดาลูกศิษย์ในยุคก่อน ซึ่งเคยเล่าสืบต่อกันมาว่าสำหรับลูกศิษย์ท่านใดที่ไม่ได้ลุยไฟ แต่ต้องการขอพรและขอรับผ้ายันต์ของอากงเผื่อช่วยคุ้มครองนั้นต้องนำน้ำมันหลายๆ ปี๊บมาแลกกับผ้ายันต์ 1 ผืนเลยครับผม

Arkong010560 8

เนื่องจากผ้ายันต์ของอากงท่าน “เทพเจ้ากวนอู” นั้นศักดิ์สิทธิ์มากๆ ซึ่งบรรดาศิษย์ที่เคยได้รับต่างหวงแหน และต่างเคยได้รับประสบการณ์ต่างๆ กับตัวเองอย่างมากมาย จึงยิ่งเคารพและศรัทธา และอยากขอให้ลูกหลานได้เก็บไว้ติดตัวเผื่อเป็นสิริมงคล และกราบขอให้อากงท่าน “เทพเจ้ากวนอู” ช่วยคุ้มครองสืบต่อไป

Arkong010560 9

ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับผ้ายันต์ลุยไฟนั้นจากการสอบถามท่านผู้ใหญ่ผู้รู้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้ โดยท่านเล่าให้ฟังว่าต้องใช้น้ำมันประมาณ 6 ปี๊บเพื่อขอผ้ายันต์แบบลุยไฟ 1 ผืนในกรณีที่ไม่ได้ลุยไฟด้วยตัวเอง เนื่องจากสมัยก่อนไม่มีการจำหน่าย หรือให้เช่าแต่อย่างใด และถ้ามีลูกศิษย์ศรัทธาและอยากได้ไว้ป้องกันตัวนั้นจึงขอให้เป็นการช่วยทำบุญน้ำมันให้กับทางศาลเจ้าพ่อกวนอูเพียงอย่างเดียว โดยผ้ายันต์ลุยไฟนั้นมี 2 สี ได้แก่ สีเหลืองให้กับลูกศิษย์ที่มีครอบครัวแล้ว และสีชมพูให้กับลูกศิษย์ที่ยังไม่มีครอบครัว

สำหรับความเข้มขลังของผ้ายันต์ของท่านอากง "เทพเจ้ากวนอู" แห่งศาลเจ้าพ่อกวนอูแห่งนี้นั้นศักดิ์สิทธิ์มากๆ เพราะนอกจากจะผ่านการปลุกเสกโดยท่าน "จับเกี๊ยมแปะ" หรืออาเหล่าแปะ ซึ่งท่านมีองค์ประทับของท่านอากง “เทพเจ้ากวนอู” แล้ว ยังต้องมีการประทับตราส่วนตัวของอากงท่าน “เทพเจ้ากวนอู” รวมถึง ระหว่างทำพิธียังมีการใช้ดาบประจำตัวของท่านอากง “เทพเจ้ากวนอู” กรีดลงไปที่ลิ้นของอาเหล่าแปะ หรือ "จับเกี๊ยมแปะ" แล้วค่อยพ่นเลือดลงไปบนผ้ายันต์อีกครั้งหนึ่ง จึงยิ่งเสริมให้ผ้ายันต์ลุยไฟ และผ้ายันต์ผืนต่างๆ ยิ่งเข้มขลัง และถือได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งความแคล้วคลาดปลอดภัยเลยทีเดียว

มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาในหมู่ลูกศิษย์ของอากงท่าน "เทพเจ้ากวนอู" ว่ามีครั้งหนึ่งลูกศิษย์ท่านหนึ่งเดินทางไปต่างจังหวัด โดยเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางระหว่างจังหวัด และระหว่างเดินทางรถโดยสารคันดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุ ส่งผลให้รถโดยสารประจำทางคันดังกล่าวได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก อีกทั้งอุบัติเหตุในครั้งนั้นค่อนข้างรุนแรงและมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเสียใจเป็นที่สุด ขณะที่มีผู้โดยสารที่รอดชีวิตเพียงไม่กี่ท่านเท่านั้น และในครั้งนั้นทางพี่ๆ เจ้าหน้าที่ที่ได้เข้าช่วยเหลือ และได้สอบถามผู้ที่รอดชีวิต เนื่องจากเกิดความประหลาดใจ และสอบถามว่ามีของดีอะไรถึงช่วยให้รอดชีวิตมาได้ โดยมีผู้ที่รอดชีวิตท่านหนึ่งเล่าว่าไม่มีอะไรติดตัวเลย ยกเว้นมีผ้ายันต์ของอากงท่าน "เทพเจ้ากวนอู" เพียงผืนเดียวเท่านั้น เหตุการณ์ครั้งนี้ยิ่งทำให้ลูกศิษย์เกิดความเลื่อมใสและศรัทธาเพิ่มขึ้น และทยอยเดินทางมากราบไหว้ท่านอากง "เทพเจ้ากวนอู" และขอผ้ายันต์เพื่อช่วยคุ้มครองเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ นอกจากผ้ายันต์ลุยไฟแล้ว ในสมัยที่ท่าน "จับเกี๊ยมแปะ" หรืออาเหล่าแปะ ยังมีชีวิตอยู่ และทุกครั้งที่มีการลงทรง และมีการลงประทับขององค์อากง “เทพเจ้ากวนอู” นั้นจะมีลูกศิษย์เป็นจำนวนมากเดินทางมากราบสักการะ กราบขอพร และกราบขอให้ท่านอากง “เทพเจ้ากวนอู” ช่วยปกป้องคุ้มครองให้ลูกศิษย์ และคนในครอบครัวทุกๆ ท่านอยู่เย็นเป็นสุข อีกทั้งยังมีการขอผ้ายันต์ซึ่งมีทั้งที่เป็นแบบกระดาษ และแบบผ้าผืนขนาดต่างๆ เพื่อนำกลับไปใช้ในพิธีการต่างๆ ทั้งเผาทำน้ำมนต์ไว้รับประทาน รวมถึงใส่กรอบบูชาหน้าบ้าน หรือภายในตัวบ้าน เป็นต้น

พิธีลุยไฟ

โดยส่วนตัวแล้ว ผมเองเติบโตและมีโอกาสได้วิ่งเล่นในศาลเจ้าพ่อกวนอูดังกล่าวนี้ตั้งแต่สมัยเด็กๆ และเคยมีโอกาสได้ไปดูเวลาที่มีการจัดพิธีลุยไฟเป็นประจำ ยิ่งใหญ่มากครับ อีกทั้งคุณพ่อผม และเพื่อนๆ คุณพ่อ และคุณน้าชายก็ได้มีโอกาสได้ร่วมวิ่งลุยไฟกับอากงท่าน “เทพเจ้ากวนอู” ผ่านอาเหล่าแปะ หรือท่าน "จับเกี๊ยมแปะ" และคุณตาของผมในแต่ละครั้งอีกด้วย ที่สำคัญ หลังพิธีลุยไฟแล้วไม่เกิดแผลพุพองบริเวณใต้ฝ่าเท้าแต่อย่างใด อาจจะมีบ้างบางครั้งที่อาจจะวิ่งไปเหยียบถูกถ่านไม้ก้อนเล็กๆ เข้าจึงอาจจะทำให้ปวดแสบปวดร้อนนิดหน่อยครับผม

ท่าน "จับเกี๊ยมแปะ" หรืออาเหล่าแปะ ซึ่งท่านมีองค์ประทับของอากงท่าน “เทพเจ้ากวนอู” ท่านจะวิ่งนำขบวน โดยมีลูกศิษย์อีกมากมายวิ่งตามหลังอาเหล่าแปะจากหน้าศาลเจ้าพ่อกวนอู วิ่งไปบริเวณลานกว้างก่อนจะถึงศาลาไม้ หรือโรงงิ้วเดิมซึ่งเป็นสถานที่ที่ไว้สำหรับจัดการแสดงอุปรากรจีน หรืองิ้วเป็นประจำทุกปี และวิ่งกลับมาบริเวณหน้าศาลเจ้าฯ อีกครั้งหนึ่ง (ตอนนี้โรงงิ้วได้มีการรือทิ้งนานแล้ว โดยบริเวณดังกล่าวได้มีการสร้างเป็นศาลแห่งใหม่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาดั่งที่เห็นอยู่ในขณะนี้ครับผม)

นับเป็นประสบการณ์ และเป็นประวัติศาสตร์ รวมถึงบรรยากาศที่น่าจดจำในช่วงที่ผ่านมาอย่างมาก โดยในยุคหลังจากที่ท่าน "จับเกี๊ยมแปะ" หรืออาเหล่าแปะ ได้เสียชีวิตลง หลังจากนั้นก็ไม่มีการจัดพิธีลุยไฟ รวมถึงเท่าที่จำได้ ยังไม่ได้มีการจัดสร้างผ้ายันต์เหมือนดั่งในรูปอีกเลย ซึ่งผ้ายันต์ผืนจริงนั้นจะยาวมาก เป็นแบบผืนผ้าขาวม้าไว้สำหรับผูกเอวครับผม

Arkong 2

ประสบการณ์ส่วนตัว

ความเชื่อส่วนตัว โดยเกิดขึ้นกับครอบครัวของผมเองครับ โดยเฉพาะคุณแม่ของผมเคยเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยครั้งแรกเกิดรถคว่ำระหว่างเดินทางไปส่งไข่เยี่ยวม้าที่จังหวัดนครสวรรค์ ของต่างๆ เสียหายเป็นจำนวนมาก แต่โชคดีที่ผู้ขับขี่ และคุณแม่ปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ มาช่วยเหลือ และถามว่ามีของดีอะไร คุณแม่บอกว่าไม่มีอะไร มีแต่ผ้ายันต์ของท่านอากง “เทพเจ้ากวนอู” ติดรถอยู่หนึ่งผืนเท่านั้น

อีกครั้งเกิดขึ้นระหว่างเดินทางกลับจากการไปซื้อของที่ราชบุรี เกิดยางระเบิด รถพลิกคว่ำ ของเสียหายเป็นจำนวนมาก แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ มาช่วยเหลือ และถามคำถามแบบเดิมๆ ว่ามีของดีอะไร คุณแม่ก็บอกว่าไม่มีอะไร มีแต่ผ้ายันต์ของอากงท่าน “เทพเจ้ากวนอู” ติดรถอยู่หนึ่งผืนเท่านั้น โดยส่วนตัวจึงเชื่อว่าคุณแม่และทุกๆ ท่านปลอดภัยเพราะได้รับความช่วยเหลือจากท่านอากง “เทพเจ้ากวนอู” ที่ช่วยคุ้มครองให้ลูกศิษย์ทุกๆ ท่านปลอดภัยจากภัยอันตรายในแต่ละครั้ง

เสียดายที่ตอนขายรถแต่ละคันออกไปนั้น เป็นความประมาทและลืมที่จะถอดผ้ายันต์ของอากงท่าน “เทพเจ้ากวนอู” ออกมาผ้ายันต์ฯ จึงติดไปกับรถคันดังกล่าว ซึ่งนับว่าเป็นความเสียหาย และเสียดายอย่างที่สุดจนถึงทุกวันนี้

ที่สำคัญ คุณพ่อเคยประสบกับตัวเองเช่นกัน คือระหว่างเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด และพักโรงแรมในต่างจังหวัดพร้อมกับเพื่อนคุณพ่อ ปรากฎว่าเพื่อนคุณพ่อถูกผีอำทั้งคืน (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล) ขณะที่คุณพ่อก่อนนอนจะนำเอาผ้ายันต์ฯ ที่ได้รับจากท่านอากง “เทพเจ้ากวนอู” มาห่มไว้ติดตัวเสมอ จึงทำให้ผ่านพ้นเหตุการณ์ต่างๆ ในคืนนั้นไปได้ แต่ที่แปลก คือ เพื่อนของคุณพ่อบอกว่าพยายามเรียกคุณพ่อทั้งคืน แต่เรียกอย่างใดคุณพ่อก็ไม่ได้ยินเลยครับผม

วันนี้กราบขออนุญาตนำประสบการณ์ต่างๆ ที่เคยได้พบเจอกับครอบครัว มากราบขออนุญาต และกราบรบกวนขอเผยแพร่บารมีและความศักดิ์สิทธิ์ของท่านอากง “เทพเจ้ากวนอู” ให้กับทุกๆ ท่านได้รับทราบหน่อยน้าครับ ซึ่งในแต่ละวันที่ศาลเจ้าพ่อกวนอูแห่งนี้จะมีลูกศิษย์เป็นจำนวนมากเดินทางมากราบไหว้ขอพรในเรื่องต่างๆ ครับผม

โดยมีอาแปะหมู ซึ่งท่านเป็นเพื่อนกับคุณพ่อ ท่านเป็นผู้จัดการศาลเจ้าพ่อกวนอู แห่งนี้ พร้อมด้วยพี่ๆ อีกหลายท่านที่คอยช่วยเหลือ และช่วยดูแลศาลเจ้าพ่อกวนอู และช่วยแนะนำวิธีกราบสักการะ และกราบขอพรอากงท่าน "เทพเจ้ากวนอู" น้าครับผม

สาธุ สาธุ สาธุครับผม

Arkong010560 4

ประวัติ “ศาลเจ้าพ่อกวนอู”

“ศาลเจ้าพ่อกวนอู” แห่งนี้ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงบริเวณชุมชนชาวตลาดสมเด็จเจ้าพระยา ถ้าจะนับอายุก็กว่า 281 ปี ในปี พ.ศ. 2560 นี้ โดยเริ่มแรกสมัยเมื่อกว่า 200 ปีก่อนนั้นสถานที่ตั้งศาลเจ้าพ่อแห่งนี้ เป็นแหล่งที่เรือสำเภาจีนแทบทุกลำต้องมาจอดเทียบท่า ที่ตรงนี้จึงเป็นจุดกำเนิดของศาลเจ้าพ่อกวนอู

ที่สำคัญ ในศาลนี้ได้ประดิษฐานองค์ “เทพเจ้ากวนอู” ด้วยกัน 3 องค์ โดยมีขนาดแตกต่างกันไปคือ องค์เล็ก องค์กลาง และองค์ใหญ่ ในช่วงแรกมีชาวจีนฮกเกี้ยนท่านหนึ่งได้อัญเชิญรูปปั้นเทพเจ้ากวนอูองค์เล็กสุดเข้ามาประทับในเก๋งจีนนี้ เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้มากราบไหว้บูชาขอพร จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างศาลเจ้าพ่อกวนอูเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2279

Arkong010560 10

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เทพเจ้ากวนอู ที่ทำให้ประชาชนคนไทยจีนได้ประจักษ์ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2509 โดยเกิดปรากฏการณ์แปลกๆ ขึ้นที่หิ้งบูชา ถ้วยน้ำชา และกระถางธูป เกิดสั่นสะเทือนขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุเป็นเวลา 3 เดือนจนเป็นที่กล่าวขานและมีการลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ดังไปทั่ว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานสงสัยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเกรงว่าอาจจะเป็นการเล่นจำอวดหลอกลวงชาวบ้านหรือไม่ จึงเดินทางมาตรวจพิสูจน์ปรากฏว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการหลอกลวงแต่อย่างใด ขณะเดียวกันยังสรุปว่าเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง

Arkong010560 11