!! เก็บตกเสน่ห์มนตรา หลงรักเมืองปากน้ำ จ.สมุทรปราการ !!
- รายละเอียด
- เขียนโดย BCCChannel.net
- เผยแพร่เมื่อ: วันอังคาร, 16 สิงหาคม 2559 13:53
!! เก็บตกเสน่ห์มนตรา หลงรักเมืองปากน้ำ จ.สมุทรปราการ !!
เรื่อง และภาพ โดย "น้องอั๋น" นราธิป อัมพรสิริรัตน์ (16 ส.ค. 2559)
มนต์เสน่ห์ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันของเมืองปากน้ำ จ.สมุทรปราการ หรือที่คนทั่วไปมักจะเรียกกันสั้นๆ ว่า “ปากน้ำ” แห่งนี้ ยังมีกลิ่นอายของยุคอดีตที่ผสมผสานกับยุคสมัยใหม่ และยังคงสืบทอดประเพณี และวัฒนธรรมท้องถิ่นต่างๆ มากมายไว้ให้ลูกหลานคนรุ่นหลังได้ศึกษาและเรียนรู้อย่างลงตัวที่สุด ทั้งที่ในปัจจุบันนี้เมืองปากน้ำ สมุทรปราการถือว่าเป็นเมืองที่เจริญมากๆ แห่งหนึ่งในประเทศไทย และกำลังจะมีรถไฟฟ้าวิ่งจากใจกลางเมืองไปถึงปากน้ำ และบางปู (ส่วนต่อขยายแบริ่ง-บางปู) ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากขณะนี้การก่อสร้างต่างๆ ใกล้แล้วเสร็จสมบูรณ์ และเตรียมเปิดให้วิ่งในอีกไม่นานนี้
รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายนั้นเป็นเสมือนสะพานเชื่อมต่อการเดินทางอีกแนวหนึ่งให้กับนักท่องเที่ยว และนักเดินทางได้เป็นอย่างดี และยังช่วยย่นระยะการเดินทาง และทำให้มาเที่ยวเมืองปากน้ำ และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ได้รวดเร็วขึ้น โดยการเดินทางมาเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ นั้นสะดวกมาก เดินทางได้ทั้งทางรถยนต์ รถขนส่งสาธารณะประเภทอื่นๆ ข้ามแพขนานยนต์ ข้ามเรือ และในอนาคตอันใกล้นี้ คือ การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจากสถานีต่างๆ มาจบที่สถานีปลายทาง คือ เมืองปากน้ำ และบางปู
ทั้งนี้ ถ้าได้มีโอกาสท่องเที่ยว หรือขับรถผ่านในบริเวณถนนสุขุมวิทสายเก่านี้ จะพบเห็นและผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ มากมาย
"เริ่มต้นตั้งแต่แยกบางนา-ตราด ตรงขึ้นไปเข้าปากน้ำ จนถึงบางปู จะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวบนถนนเส้นนี้มากมายทั้งพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ตลาดปากน้ำ ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ วัดอโศการาม เมืองโบราณ และสถานตากอากาศบางปู นับว่าแต่ละสถานที่ท่องเที่ยวนั้นล้วนมีชื่อ และน่าไปท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์"
เยี่ยมพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ หรือ ช้างสามเศียร ก่อน :
ขอเริ่มด้วยการเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ หรือ ช้างสามเศียร เป็นสถานที่แรก ภายในบริเวณพื้นที่สวนอุทยานแห่งนี้ มีความร่มรื่นเป็นอย่างมาก และเมื่อได้เข้าไปใกล้ๆ ขององค์ช้างเอราวัณ จะรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ ที่ยืนสง่า ตระการตา อยู่บนถนนสุขุมสายเก่าแห่งนี้ และได้มีโอกาสได้กราบสักการะบูชาบริเวณหน้าองค์ท่านช้างเอราวัณ (ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถกราบสักการะบูชา และขอพรท่านองค์ช้างเอราวัณ เพื่อเป็นสิริมงคล)
และบริเวณด้านใน ภายในองค์ช้างเอราวัณนั้นได้มีการเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ มากมาย ได้แบ่งส่วนงานแสดงต่างๆ ออกเป็น ชั้นบาดาล ชั้นโลกมนุษย์ และชั้นสวรรค์ ตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ ฮินดู อีกทั้งงานศิลปะ-งานปูนปั้นภายในนั้นช่างงดงามอย่างมาก ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจเข้าชม-เที่ยวชม สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. - 19.00 น. (ทั้งนี้ ในส่วนของคนไทย อัตราค่าเที่ยวชมตั้งแต่เวลา 09.00 น. - 17.00 น. ผู้ใหญ่ 200 บาท / เด็ก 100 บาท และเที่ยวชมตั้งแต่เวลา 17.00 น. - 19.00 น. ผู้ใหญ่ 100 บาท / เด็ก 50 บาท)
จะว่าไปแล้วการเดินทางมาเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแห่งนี้ สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย ทั้งทางรถยนต์ และระบบขนส่งสาธารณะ ในส่วนของรถยนต์สามารถใช้ได้หลายเส้นทาง แต่เส้นทางหลักๆ จะเป็นถนนสุขุมวิทไปปากน้ำ ซึ่งตรงมาเรื่อยๆ ตามทางจากแยกบางนา-ตราด และในส่วนของการใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง ทั้งนี้ในส่วนของรถเมล์ที่ผ่าน จะมี สาย 23, 25, 507, 511 ฯลฯ ซึ่งบริการรถเมล์นี้จะสิ้นสุดบริเวณตลาดปากน้ำ หรืออาจจะโดยสารรถไฟฟ้ามาลงสถานีแบริ่ง และต่อรถเมล์ หรือรถสองแถวได้เช่นกัน
ต่อที่ตลาดปากน้ำ :
จาก พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เดินทางต่อ-ขึ้นไป ตลาดปากน้ำ โดยใช้เวลาไม่นานนัก อาจจะแวะซื้อของฝากได้จากตลาดแห่งนี้ ซึ่งเป็นตลาดสดที่มีของขายอยู่มากมาย ทั้งของฝากที่น่าสนใจ ขนมจาก 100 ปี ร้านลิ้มดำรงค์ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตลาดปากน้ำ และในตัวตลาดจะมีท่าเรือ ซึ่งถ้าข้ามเรือไปจะเป็นบริเวณวัดพระสมุทรเจดีย์ ในบริเวณตลาดแห่งนี้จะมีรถเมล์ และรถสองแถว เสมือนเป็นศูนย์กลางของระบบรถสาธารณะต่างๆ
ในส่วนของรถเมล์จากกรุงเทพฯ จะมาสิ้นสุดระยะทางในบริเวณตลาดนี้ และบริเวณตลาดนี้สามารถเดินทางต่อไปยัง ฟาร์มจระเข้ วัดอโศการาม เมืองโบราณ สถานตากอากาศบางปู ได้อีกด้วย ทั้งนี้ ในการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวนั้นตั้งต้นที่ถนนสุขุมวิทสายเก่า และค่อยๆ ขับต่อไปเรื่อยๆ จนถึงสถานที่ต่างๆ
ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ :
การเดินทางไป ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ โดยระบบบริการรถสาธารณะนั้นสามารถขึ้นรถเมล์ สาย 536 (หมอชิต-ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ) กับสาย 142 (อู่แสมดำ-ฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ) หรืออาจจะใช้วิธีต่อรถเมล์บริเวณตลาดปากน้ำ ใกล้ๆ ศาลหลักเมือง จากบริเวณนี้ได้เลย ซึ่งรถเมล์ทั้ง 2 สายนี้จะเข้าถึงหน้าฟาร์มจระเข้สมุทรปราการ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีจากตลาดปากน้ำ)
สนนราคาค่าเข้าชม สำหรับคนไทย อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 50 บาท ซึ่งภายในฟาร์มจระเข้ฯ จะมีการแสดงโชว์ ทั้งการโชว์จระเข้ โชว์ช้าง และมีสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งการโชว์แต่ละครั้งนั้นสร้างความตื่นเต้น สนุกสนาน และเพลิดเพลินเป็นอย่างยิ่ง
เมืองโบราณ วัดอโศการาม และสถานตากอากาศบางปู :
ในส่วนของการเดินไป เมืองโบราณ วัดอโศการาม และสถานตากอากาศบางปูนั้นสามารถใช้บริการรถสองแถว จากบริเวณตลาดปากน้ำแห่งนี้ ใกล้ศาลหลักเมือง ซึ่งจะเป็นรถสองแถวใหญ่ (ปากน้ำ-บางปู-ตำหรุ) และเลือกลงในสถานที่ต่างๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
เมืองโบราณนั้นเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 09.00 น. - 19.00 น. คนไทยอัตราค่าเข้าชม-เที่ยวชม ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น. ผู้ใหญ่ ท่านละ 350 บาท เด็ก ท่านละ 175 บาท / เที่ยวชม ตั้งแต่เวลา 16.00 - 19.00 น. ผู้ใหญ่ ท่านละ 175 บาท เด็ก ท่านละ 80 บาท และมีบริการ รถราง รถจักรยาน และเรือ ที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าชม ซึ่งภายในเมืองโบราณนั้นจะเป็นงานศิลปะที่ย่อขนาดจากสถานที่จริง และสถานที่สำคัญๆ ของประเทศไทย (จากทั่วประเทศ) มาจำลองไว้ในเมืองโบราณแห่งนี้ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกแห่งหนึ่งที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของประเทศเลยทีเดียว
แนะสำหรับท่านที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวสถานตากอากาศบางปู แนะนำว่าถ้าอยากเจอนกนางนวล แนะให้มาเที่ยวช่วงหน้าหนาว ประมาณ เดือน ตุลาคม-มกราคม ของทุกปี ซึ่งเป็นเวลาที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับช่วงอื่นๆ เพราะจะได้พบกับนกนางนวลที่อพยพมาจาก ไซบีเรีย เป็นจำนวนมาก
อีกทั้งในบริเวณสถานตากอากาศบางปู ยังสามารถชมนกนานาพันธ์ได้อีกด้วย รวมถึงนักท่องเที่ยวยังสามารถให้อาหารนกชนิดตัวต่อตัว ซึ่งนกจะบินมาหาและกินอาหารจากมือผู้ให้อาหารเลยทีเดียว นับว่าเป็นอีกหนึ่งบรรยากาศ และสีสันที่น่าสนใจของสถานตากอากาศแห่งนี้
"จะว่าไปแล้วสถานตากอากาศบางปูนี้ เป็นสถานที่ที่มีมนต์เสน่ห์ และมีความสวยของธรรมชาติเป็นทุนเดิมที่ช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวในแต่ละวันเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว และยิ่งมากขึ้นในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวต่างๆ"
ทั้งนี้ ขออนุญาตจบการเดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการไว้เพียงเท่านี้นะครับ :
"ในส่วนของบางสถานที่ที่ยังไม่ได้เก็บบรรยากาศมาฝาก เช่น หลวงพ่อโต วัดบางพลี ตลาดน้ำบางพลี วัดขุนสมุทรจีน (วัดนี้ตั้งอยู่กลางทะเลอ่าวไทยในปัจจุบัน) คุ้งบางกะเจ้า หรือสวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์ ฯลฯ ถ้ามีโอกาสจะแวะไปเก็บบรรยากาศ และขออนุญาตนำบรรยากาศต่างๆ มาเล่าให้ฟังผ่านทางสกู๊ปพิเศษในโอกาสต่อไปนะครับ ............................................"