หดหู่ใจแทน หวังพึ่งเซียนพระทั้ง 2 ท่าน แต่สุดท้ายยังไม่ยอมเช่าคืน (แม้ว่าจะเคยมีข้อตกลงกัน)

หดหู่ใจแทน หวังพึ่งเซียนพระทั้ง 2 ท่าน แต่สุดท้ายยังไม่ยอมเช่าคืน (แม้ว่าจะเคยมีข้อตกลงกัน)

BCC200366 2

“เราเอ็นดูเค้า แต่เอ็นเราขาด”

ร้อยเรียงความเจ็บปวดภายในใจ เปรียบเสมือนกับ “น้ำซึมบ่อทราย” โดยมีท่านแหล่งข่าวหลากหลายท่านในช่วงที่ผ่านมา ท่านได้ช่วยเข้ามาให้กำลังใจ และสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ที่ผมได้พบเจอเกี่ยวกับวงการพระเครื่อง และมีการเช่าหาวัตถุมงคลในช่วงก่อนหน้า

BCC200366

สืบเนื่องจากผมเคยไปขอแบ่งเช่าองค์พระบูชาอาเหล่าแปะโรงสี ท่านอาจารย์โง้วกิมโคย ท่านหวยลั้งเซียนอาเหล่าแปะ ท่านเซียนอาเหล่าแปะสามตา หรือ ท่านจอซัวอาเหล่าแปะ (ท่านอาเซียนโง้วกิมโคยผ่อสัก หรือ ท่านอาเหล่าแปะโง้วกิมโคยผ่อสัก) รุ่นดังกล่าวนี้ จากเซียนสายตรงที่มีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์มากๆ ท่านหนึ่ง (สายตรงรู้จักท่านเยอะครับผม) และท่านเป็นผู้ที่มากด้วยประสบการณ์เกี่ยวกับวัตถุมงคลของอาเหล่าแปะโรงสี ท่านอาจารย์โง้วกิมโคย อยู่บนห้างแห่งหนึ่งแถวๆ นนทบุรี

รวมถึงไปกราบขอแบ่งเช่าเหรียญท่านอาเซียนแป๊ะโค้วโพธิสัตว์ (ท่านอาเซียนแป๊ะโค้วผ่อสัก) หรือท่านอาเซียนแป๊ะโค้วเซี่ยงงี่ ชื่อเดิม ท่านอาเซียนเอี๊ยฮง แซ่เล้า (ท่านอาเซียนเล้าเอี๊ยฮง หรือ ท่านอาเซียนเล้าเอี๊ยฮงผ่อสัก) จากเซียนพระหนุ่มไฟแรงเปิดร้านพระเครื่องใหญ่โตมากๆ ท่านเป็นเซียนพระที่มีชื่อเสียงและมีอนาคตไกลมากๆ เลยนะครับผม มีคลิปต่างๆ มากมายล้วนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ท่านเก่งมากๆ เลยนะครับผม

ในช่วงก่อนหน้านี้ ผมเริ่มมีแหล่งข่าวหลายๆ ท่านทยอยกราบเรียนสอบถามผมเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ โดยผมกราบขอเริ่มกันที่ท่านแหล่งข่าวท่านล่าสุด ท่านได้กล่าวกับผมว่า “ให้ทำใจ นึกเสียว่า ถ้าชาติก่อน เราเคยติดหนี้เซียนพระทั้ง 2 ท่านนี้ ที่เฮาเคยเช่าพระกับเค้ามา และเค้าไม่ยอมรับคืน ก็ให้ถือว่า เราได้ชดใช้กรรมให้กับเค้าไป แต่ถ้าเราไม่ได้ติดหนี้เค้าแต่ชาติปางก่อน ก็อาจจะเป็นชาตินี้ หรือชาติหน้า หรือในชาติอื่นๆ ที่เซียนพระทั้ง 2 ท่านที่ไม่ยอมรับเช่าพระคืนจากเฮา อาจจะต้องแวะเวียนมาจ่ายคืน หรือมาชดใช้คืนให้เราในวันใดวันหนึ่ง หรือทางใดทางหนึ่งก็ได้”

ท่านแหล่งข่าวท่านนี้ กล่าวเสริมว่า “ให้เราปลง และทำใจ อย่าคิดมาก เพราะเห็นเราโพสต์หลายครั้ง และรู้ว่าเรากำลังพบเจอกับเหตุการณ์อย่างใดบ้าง” โดยท่านอยากจะช่วยพูดให้เราสบายใจ และทำใจในที่สุด

อีกทั้งท่านยังพูดแบบเป็นห่วงทิ้งท้ายว่า “ฟังเรื่องราวของเราแล้วรู้สึกอนาถใจ และหดหู่ใจแทน พร้อมกับอยากให้เซียนพระทั้ง 2 ท่านนี้ช่วยแบ่งเช่าคืน (ถ้าเป็นไปได้) จะได้ทำให้เราพอมีเงินทุนมาหมุนเวียนในช่วงที่กำลังเดือดร้อนใจอยู่ในขณะนี้”

ผมต้องกราบขอบพระคุณท่านแหล่งข่าว ท่านนี้เป็นที่สุด และกราบสาธุ สาธุ สาธุ ด้วยนะครับผม

ในขณะเดียวกัน ยังมีท่านแหล่งข่าวอีกหลายท่านอยากทราบชื่อของเซียนพระทั้ง 2 ท่านนี้ (ที่ผมเคยไปขอแบ่งเช่าวัตถุมงคลองค์พระบูชา องค์อาเหล่าแปะโรงสี ท่านอาจารย์โง้วกิมโคย และเหรียญองค์อาเซียนแป๊ะโค้วโพธิสัตว์) นะครับผม

ผมเองก็เกรงใจ และถามว่า “ท่านแหล่งข่าวอยากรู้ชื่อไปทำไมหรือครับ” ท่านแหล่งข่าวท่านหนึ่งบอกกับผมว่า “จะได้ระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงที่จะไปเช่าหาวัตถุมงคลจากเซียนพระทั้ง 2 ท่านเช่นกัน เพราะกลัวว่าถ้าเกิดมีโอกาสได้เช่าหาแล้ว ในอนาคตอาจจะขอแบ่งให้เช่าคืนไม่ได้เหมือนกับที่ผมกำลังประสบพบเจออยู่ในขณะนี้เช่นกันนะครับ”

ผมเองก็เกรงใจท่านแหล่งข่าว รวมถึงแหล่งข่าวที่เป็นเพื่อนสนิทของผมด้วยครับ อีกทั้งผมเองก็ให้เกียรติเซียนพระทั้ง 2 ท่านที่ผมเคยกราบขออนุญาตขอแบ่งปันวัตถุมงคลจากท่านเพื่อมาบูชา และก็เป็นคนที่พอจะกล่าวได้ว่า “คนพอรู้จักกันนิดหน่อยผ่านการสนทนากันมาบ้างนะครับผม ในช่องทางใดทางหนึ่งนะครับผม” ผมก็หวังพึ่งความเก่ง ความสามารถ ความรู้จากท่านที่เคยช่วยแชร์ประสบการณ์ในเรื่องวัตถุมงคลให้ทราบ จึงกล้าขอแบ่งวัตถุมงคลจากเซียนพระทั้ง 2 ท่านนี้มาบูชาในช่วงก่อนหน้าครับผม

ด้วยความหวังอันเปี่ยมล้นในตอนแรกนึกว่าพอจะแบ่งให้เช่าคืนเซียนพระทั้ง 2 ท่านนี้ได้ แต่จนถึงตอนนี้ “ผมเองได้แต่แอบหวังนิดๆ ว่า ผมจะกราบขออนุญาตแบ่งปันวัตถุมงคลได้ด้วยตัวผมเอง และทำใจ และน้อมรับในความเดือดร้อนครั้งนี้เอง สืบเนื่องจากเซียนพระที่ผมเคยไปขอแบ่งเช่าทั้ง 2 ท่านนี้ ยังไม่อ่าน Messenger และ Line ล่าสุดที่ผมส่งไปกราบขอคืนวัตถุมงคลที่เคยขอแบ่งปันจากท่านเลยนะครับผม จนถึงตอนนี้ก็นานพอสมควรแล้วครับผม”

สุดท้ายนี้ ผมได้แต่ตั้งความหวังว่า “เหตุการณ์แบบนี้ขออย่าให้เกิดกับคนที่กำลังเดือดร้อนอย่างผมอีกเลย (ผมชื่นชอบวัตถุมงคล ผมศรัทธาในวัตถุมงคล แต่ผมไม่ใช่เซียนพระ และผมเองก็ดูพระไม่เป็นด้วยนะครับผม) เพราะเวลาไปขอแบ่งเช่าจากเซียนพระทั้ง 2 ท่านนี้ เราก็จ่ายเงินกันสดๆ แต่เวลาจะแบ่งคืนกับไม่ได้รับความเมตตา กรุณา หรือช่วยเหลือจากท่านทั้ง 2 เลยนะครับผม”

ที่สำคัญ ผมเชื่อมั่นในหลักการ และเชื่อว่า “สัจจะวาจานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ” ถ้าทำได้ต้องทำ ถ้ายังทำไม่ได้ ต้องขอโอกาสและพยายามจัดการให้ได้ตามสัจจะวาจาที่เคยให้เอาไว้ ขอให้เราได้มีโอกาสสักนิด เราจะรีบจัดการให้ได้ตามคำมั่นสัญญาที่เราเคยให้เอาไว้ อาจจะช้าสักนิด นานสักหน่อย แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด และที่สำคัญ ต้องพยายามจัดการให้จบให้ได้เท่าที่พละกำลังเราพอจะจัดการได้ (หรือถ้าโชคดีเราได้รับการผ่อนผันเพิ่มขึ้น หรือได้ลดต้นทุนลงบ้างสักหน่อย ก็ยิ่งดีเลยนะครับผม อิอิ) เพื่อเป็นการยืนยันในสัจจะวาจาที่เราเคยให้เอาไว้ครับผม อิอิ ช้าหน่อยแต่จะพยายามทำให้จบครับผม อิอิ

ทิ้งท้าย เราได้แต่จดจำเอาไว้เป็นบทเรียน แม้ว่าตัวผมเองจะมีการพูดคุยผ่านข้อความกับเซียนพระทั้ง 2 ท่านทั้งทาง Messenger และ Line ก็ยังใช้ไม่ได้เลยครับผมในชีวิตจริงตอนนี้

อิอิ เอ้าสู้โว้ย ยังไงก็ต้องสู้กันต่อไป ก็เหมือนกับ “เราเอ็นดูเค้า แต่เอ็นเราขาด” ในวันที่เราขาดเงินทุนหมุนเวียนนะครับผม อิอิ พร้อมกับแอบหวังเอาไว้ว่า “ขอให้เราสามารถก้าวผ่าน และก้าวข้ามปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ที่กำลังประสบพบเจอไปให้ได้โดยเร็วด้วยเถิด กราบสาธุ สาธุ สาธุ ด้วยนะครับผม”