“มศว” จับมือ “เครดิตบูโร” ทำวิจัยเพื่อสาธารณะ
- รายละเอียด
- เขียนโดย BCCChannel.net
- เผยแพร่เมื่อ: วันอังคาร, 21 มีนาคม 2560 12:40
“มศว” จับมือ “เครดิตบูโร” ทำวิจัยเพื่อสาธารณะ
รองศาสตราจารย์ ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล (ขวา) อธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และ นายสุรพล โอภาสเสถียร (ซ้าย) ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ร่วมใน “พิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการจัดทำผลงานทางวิชาการเผยแพร่ต่อสาธารณะ” ณ ห้องปฐมบริบท ชั้น 1 อาคารประสานมิตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เมื่อเร็วๆ นี้
21 มีนาคม 2560 : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) และบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ร่วมจัด งาน “พิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการจัดทำผลงานทางวิชาการเผยแพร่ต่อสาธารณะ” โดยความร่วมมือดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำบทความ บทวิเคราะห์ หรือบทวิจัย เกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนของประเทศไทยเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณะ
ผู้บริหารของทั้ง 2 หน่วยงาน ได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล อธิการบดี มศว และ นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร ร่วมในพิธีลงนามในบันทึกความร่วมมือดังกล่าว
รองศาสตราจารย์ ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล อธิการบดี มศว กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า จากฐานข้อมูลทางสถิติที่ เครดิตบูโรมีและให้ทาง มศว จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางวิชาการเพื่อสร้างบทวิเคราะห์หรือบทวิจัยด้านการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ในการบริหารจัดการทรัพย์สิน หนี้สิน ตลอดจนการวางแผนการออมและการใช้จ่ายตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสอดคล้องกับมาตรการส่งเสริมภายใต้แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินฉบับที่ 2 ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแพร่หลาย ต่อสังคมไทยในปัจจุบัน ทั้งทางด้านวิชาการและด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ด้านนายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร เปิดเผยว่า มศว มีเป้าหมายมุ่งพัฒนางานวิจัยที่มีคุณภาพโดยการสร้างความร่วมมือในระดับสากลและเครือข่ายทางวิชาการกับองค์กรอื่นๆ ที่นำมาสู่การแก้ปัญหาเพื่อสังคมอย่างยั่งยืน ในขณะที่ เครดิตบูโรมีฐานข้อมูลเชิงสถิติอันมีค่าและข้อมูลดังกล่าวก็ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดที่กระทบกับสิทธิส่วนบุคคลตามที่กฎหมาย กำหนด การนำเอาข้อมูลเชิงสถิติดังกล่าวมาใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ต่อประเทศชาติ ผ่านความรู้ความสามารถของคณาจารย์ ตลอดจนนักวิจัยของ มศว จึงเป็นการตอบโจทย์ หรือสร้างฐานทางปัญญาในการแก้ไขปัญหาของประเทศในส่วนที่เกี่ยวข้อง และหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต