EXIM BANK สนับสนุนทางการเงินให้กลุ่มบริษัทเอสซีไอ อีเลคตริค สร้างโรงงานผลิตเสาไฟฟ้าแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคมในเมียนมา

EXIM BANK สนับสนุนทางการเงินให้กลุ่มบริษัทเอสซีไอ อีเลคตริค

สร้างโรงงานผลิตเสาไฟฟ้าแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคมในเมียนมา

K.Pisit EXIM 1

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ร่วมลงนามกับนางสาวอุนนดา พฤฒินารากร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) (SCI) นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCI และนายภาณุพันธุ์ เจศรีชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีไอ เมทัล เทค (เมียนมา) จำกัด (SCIMTMM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SCI ในสัญญาสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK จำนวน 14.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อให้ SCIMTMM นำไปใช้ลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเสาไฟฟ้าแรงสูง เสาสื่อสารโทรคมนาคม และบริการชุบสังกะสีกัลวาไนซ์ ที่เขตเศรษฐกิจพิเศษติลาวา เมียนมา ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็วๆ นี้

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ภายหลังการเปิดประเทศ เมียนมามีการส่งเสริมการลงทุนและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามามากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าของเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยปัจจุบันอัตราเข้าถึงไฟฟ้าต่อจำนวนประชากรของเมียนมาอยู่ที่ร้อยละ 32 ซึ่งต่ำสุดในอาเซียน พื้นที่ที่เข้าถึงไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ในเขตเมืองสำคัญ เช่น ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และเนปิดอว์ แต่พื้นที่ดังกล่าวยังคงประสบปัญหาไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง ขณะที่หลายพื้นที่ในเขตชนบทยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ ดังนั้น รัฐบาลเมียนมาจึงตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากระดับปัจจุบันที่ 4,581 เมกะวัตต์ เป็น 54,608 เมกะวัตต์ภายในปี 2573 และตั้งเป้าเพิ่มอัตราการเข้าถึงไฟฟ้าให้เป็นร้อยละ 100 ในปี 2573 จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจด้านไฟฟ้าและอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งการเข้าไปลงทุนของ SCIMTMM ครั้งนี้ เป็นการขยายฐานการผลิตที่สำคัญของกลุ่มบริษัท SCI ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า เสาไฟฟ้า และเสาสื่อสารโทรคมนาคมในไทยมานานกว่า 30 ปี เพื่อรองรับการเติบโตของเมียนมาทั้งด้านไฟฟ้าและสื่อสารโทรคมนาคม

“การสนับสนุนของ EXIM BANK ในครั้งนี้เป็นไปตามภารกิจและบทบาทของธนาคารที่พร้อมสนับสนุนนักลงทุนไทยที่มีศักยภาพให้ย้ายหรือขยายฐานการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกำลังขยายตัวทางเศรษฐกิจ และอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค พลังงาน และอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม” นายพิศิษฐ์กล่าว