‘แบล็ค แบดจ์’ หนักแน่นในตัวตน เข้มข้นในไอเดีย ไลฟสไตล์ที่ชัดเจน จากโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส

‘แบล็ค แบดจ์’

หนักแน่นในตัวตน เข้มข้นในไอเดีย

ไลฟสไตล์ที่ชัดเจน

จากโรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส

Duo Black Badge 1

“แบล็ค แบดจ์ (Black Badge) คือทัศนคติที่มีต่อชีวิต คือส่วนหนึ่งของแบรนด์โรลส์-รอยซ์ที่เป็นที่ปรารถนาของผู้ที่ไม่ยอมอ่อนข้อ พิสมัยความท้าทาย พร้อมจะปลีกตัวออกจากกฎเกณฑ์ทั้งปวง เย้ยหยันต่อการเดินตามรูปแบบเดิมๆ พวกเขาเหล่านี้ไม่เคยหยุดนิ่ง ทุกย่างก้าวคือการโลดแล่นอย่างเต็มพลัง เพื่อที่จะเปลี่ยนโลกทั้งใบ

คุณลักษณะทางเทคนิคและสุนทรียศาสตร์ของแบล็ค แบดจ์ เป็นการเปลี่ยนแปลงตัวตนของโรลส์-รอยซ์ ให้เป็นตัวตนที่น่าค้นหา หนักแน่น เชื่อมั่น และทรงพลังมากยิ่งขึ้น กล้าที่จะแสดงสิทธิของตัวเองอย่างไม่กลัวเกรงสิ่งใด เราสร้างสรรค์ให้ “แบล็ค แบดจ์” คือที่สุดของยนตรกรรมในตลาดรถยนต์ระดับหรู และนี่คือห้วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์โรลส์-รอยซ์ครั้งยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง”

 

มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด

 

Black Badge SOE 2 

ตัวตนที่เปลี่ยนไปสำหรับคนรุ่นใหม่

โรลส์-รอยซ์ แบล็ค แบดจ์ สื่อถึงความน่าค้นหา เชื่อมั่น หาญกล้า และความปรารถนาในความสุนทรีย์ของลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ การที่บริการบีสโป๊กสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง การทำงานร่วมกันระหว่างแบรนด์และลูกค้าทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงทางรูปลักษณ์และแก่นแท้ของโรลส์-รอยซ์ โกสต์ และ เรธ ผลลัพท์ที่ได้คือ โกสต์ แบล็ค แบดจ์ (Ghost Black Badge) และ เรธ แบล็ค แบดจ์ (Wraith Black Badge)

“วันนี้ผมมีความยินดีที่จะประกาศให้ทราบว่าบริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด จะสร้างสรรค์ยนตรกรรมสั่งทำพิเศษ (บีสโป๊ก) อย่างต่อเนื่องสำหรับกลุ่มลูกค้าคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่พร้อมผลักดันตนเองให้ประสบความสำเร็จ และสร้างความโดดเด่นและแตกต่างในวิถีการดำเนินชีวิตของพวกเขา ความร่วมมืออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนกับลูกค้ากลุ่มนี้ ทำให้โรลส์-รอยซ์มีความเชื่อมั่นในการสร้างสรรค์ “แบล็ค แบดจ์” ว่าจะเป็นผลงานอันเป็นที่สุดแห่งความหรูหราและวิศวกรรมชั้นเลิศทั้งในเชิงเทคนิคและสุนทรียศาสตร์ “แบล็ค แบดจ์” เป็นอีกหนึ่งตัวตนของโรลส์-รอยซ์ เรธ และ โกสต์ ตัวตนที่เพิ่มดีกรีความหนักแน่น หาญกล้า เชื่อมั่น ทรงพลัง และแรงปรารถนาที่เปี่ยมล้น “แบล็ค แบดจ์” คือที่สุดของยนตรกรรมหรูอันทรงพลัง และนี่คือการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงของแบรนด์โรลส์-รอยซ์” มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด กล่าว

ด้วยแนวคิดนี้ ทีมนักออกแบบ วิศวกร และช่างฝีมือของโรลส์-รอยซ์ จึงได้เปลี่ยนโฉม โกสต์ และ เรธ ให้แตกต่างอย่างชาญฉลาด ความตั้งใจของทีมงานคือการรังสรรค์ให้ยนตรกรรมมีสัมผัสแห่งพลังที่หนักแน่น และหาญกล้ามากกว่าเดิม รวมทั้งมุ่งเน้นตัวตนของ “แบล็ค แบดจ์” ให้ต่างจากรถยนต์ในสองตระกูลนี้ ดังนั้น ยนตรกรรมทั้งสองจะฉายความโดดเด่นอย่างเป็นธรรมชาติสู่สายตาผู้พบเห็นในทันที แต่เมื่อหยั่งถึงเนื้อในแล้วทั้งสองต่างลึกลับซ่อนเร้นชวนให้เกรงขาม

อัตลักษณ์อันทรงคุณค่า กับการปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่

Black Badge Clock and Technical Fibre

ตัวอักษร RR ซ้อนทับกันบนกระจังหน้าแบบพาร์เธนอน และสัญลักษณ์ “สปีริต ออฟ เอ็กสตาซี” ประดับบนฝากระโปรงหน้า คืออัตลักษณ์อันทรงคุณค่าดุจพลังอำนาจที่แข็งแกร่งของโรลส์-รอยซ์ สัญลักษณ์ทั้งสองของแบรนด์นี้ได้เคยมีการปรับเปลี่ยนมาก่อนตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา

ในครั้งนี้ สัญลักษณ์ “สปีริต ออฟ เอ็กสตาซี” และตัวอักษร RR ซ้อนทับกันก็จะถูกปรับให้เข้ากับแนวคิดของ “แบล็ค แบดจ์” โดยสำหรับโกสต์ แบล็ค แบดจ์ และเรธ แบล็ค แบดจ์ จะถูกปรับในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน

การเปลี่ยนโฉมเริ่มต้นที่สัญลักษณ์ “สปีริต ออฟ เอ็กสตาซี” ไม่เพียงการออกแบบ และท่วงท่าใหม่ หรือวัสดุที่เลือกใช้เท่านั้น แต่ยังมาในโทนสีที่สื่อถึงความลึกลับน่าค้นหาของผู้เป็นเจ้าของ เธอได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นหญิงสาวทรงเสน่ห์ด้วยสีดำเงา ที่พร้อมร่ายเวทย์มนต์อันทรงพลังในยามค่ำคืน การเปลี่ยนแปลงยังเกิดขึ้นกับสัญลักษณ์ในส่วนอื่นๆ ของโกสต์ แบล็ค แบดจ์ และ เรธ แบล็ค แบดจ์ อีกด้วย ส่วนตัวอักษร RR ซ้อนทับของ “แบล็ค แบดจ์” ที่ปรากฏในส่วนต่างๆ ของรถ อาทิ ด้านหน้า ด้านข้างและด้านท้ายถูกเปลี่ยนมาเป็นตัวอักษรสีเงินบนพื้นสีดำ ในขณะที่พื้นผิวโลหะโครเมี่ยม เช่น บริเวณรอบกระจังหน้า ฝากระโปรง ช่องลมเข้าด้านล่าง และท่อไอเสียได้เปลี่ยนมาเป็นสีดำ

ขุมพลังของ “แบล็ค แบดจ์” สื่อสารในขณะที่โลดแล่นไปบนท้องถนนผ่านล้อรถใหม่ที่ทำจากเส้นใยคาร์บอน และอัลลอยน้ำหนักเบาที่รังสรรค์ขึ้นพิเศษเฉพาะสำหรับยนตรกรรม โกสต์ แบล็ค แบดจ์ และ เรธ แบล็ค แบดจ์ แต่ละคัน โดยตลอดกว่า 4 ปี ที่ผ่านมาโรลส์-รอยซ์ได้พัฒนาล้อรถที่มีคุณสมบัติพิเศษซึ่งได้จากชั้นเส้นใยคาร์บอนถึง 22 ชั้นบนแกนล้อทั้งสาม แต่ละชั้นมีการพับทบที่รอบนอกของขอบล้อเพิ่มเป็น 44 ชั้น และเพิ่มความแข็งแรงด้วยแม็ก 3D forged ดุมล้ออะลูมิเนียมซึ่งเป็นวัสดุแบบเดียวกับที่ใช้สำหรับเครื่องบิน เชื่อมไปยังขอบโดยใช้ตัวยึดไททาเนียม

“แบล็ค แบดจ์” ได้มีการเพิ่มระดับความเข้มของสีดำด้วยการทาสีและลงแลคเกอร์ทับหลายชั้น การขัดเงาด้วยมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกระบวนการลงสีและขัดเงาที่เป็นวิธีการเดียวกับที่ใช้กับสีพื้น ทำให้ได้สีที่เข้มและละเอียดลึกที่สุดเท่าที่เคยมีการใช้สีดำบนตัวถังรถยนต์

อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่บริการบีสโป๊ก คือ โรลส์-รอยซ์ ทำให้ลูกค้าสามารถระบุสีที่ต้องการสำหรับการตกแต่งทั้งภายนอกและสีของหนังภายในของยนตรกรรม โกสต์ แบล็ค แบดจ์ และ เรธ แบล็ค แบดจ์

ภายในห้องโดยสารของ “แบล็ค แบดจ์” – วัสดุสุดหรูทันสมัย และการตกแต่งแบบไร้ข้อจำกัดรอคอยอยู่

ไม่มีข้อจำกัดในการตกแต่งภายในห้องโดยสารของ “แบล็ค แบดจ์” ที่ได้รับการตีความใหม่ให้เข้มขรึม และหรูหรามากยิ่งขึ้น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากวัสดุอันทันสมัย และความรู้เกี่ยวกับการบินและอวกาศของ     โรลส์-รอยซ์

หัวใจสำคัญของห้องโดยสารคือพื้นผิวที่ประกอบขึ้นด้วยเส้นใยคาร์บอนและอะลูมิเนียมแบบเดียวกับที่ใช้ใน   ยานอวกาศ พบเห็นได้จากพื้นผิวภายนอกของเครื่องบินทิ้งระเบิดสเตลท์ วัสดุแห่งโลกอนาคตได้ถูกนำมาปรับใช้ที่โรงงานกู้ดวูดเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมของวัสดุที่หรูหราระดับโลก

ในการสร้างสรรค์วัสดุที่สวยงามนี้ เส้นใยอะลูมิเนียมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 0.014 มิลลิเมตร ได้ถูกถักทอเข้าด้วยกันก่อนที่จะยึดเข้ากับเส้นใยคาร์บอน พื้นผิวของวัสดุนี้เคลือบเงาถึง 6 ชั้น และพักไว้นานถึง 72 ชั่วโมงก่อนที่จะขัดเงาด้วยมือให้ได้พื้นผิวที่ใสราวกับกระจก

นอกจากนี้ เทคโนโลยีระดับหรูของช่องระบายอากาศที่แผงหน้า และที่ด้านหลังของยนตรกรรม “แบล็ค แบดจ์” สร้างสรรค์ขึ้นโดยวิธีการเคลือบผิวแบบ PVD หนึ่งในไม่กี่วิธีในการเคลือบสีโลหะเพื่อให้มั่นใจว่าทุกชิ้นส่วนจะไม่ซีดจาง ไม่เปลี่ยนสี และไม่คลายความแวววาวเมื่อเวลาล่วงผ่าน หรือเมื่อมีการใช้งานหลายครั้ง

ในส่วนของแผงหน้าปัดด้านหน้า ประดับด้วยนาฬิกา “แบล็ค แบดจ์” ที่รังสรรค์ขึ้นมาใหม่ ด้วยเข็มนาฬิกาที่มีปลายสีส้มและตกแต่งหน้าปัดด้วยสัญลักษณ์อินฟินิตี้ สัญลักษณ์เดียวกับที่ปรากฏอยู่ใน แฟนธอม ดรอปเฮด วอเทอร์สปีด รุ่นปี 2014 ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จในการทำสถิติโลกกีฬาทางน้ำของเซอร์ มัลคอม แคมป์เบล ซึ่งแนวคิดก็คือผู้ที่เป็นเจ้าของ “แบล็ค แบดจ์” ย่อมมีบางสิ่งที่เหมือนกับเซอร์ แคมป์เบล และนั่นก็คือมุมมองที่มีต่อความเร็วว่าเป็นสิ่งท้าทาย และไม่ใส่ใจกับขีดจำกัด อินฟินิตี้ เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกความแรงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

สัญลักษณ์อินฟินิตี้ยังได้รับการนำมาเสริมแต่งไว้บนเบาะโดยสาร เป็นการผสมผสานระหว่างหนังสีดำเข้ากับความเจิดจรัสของสีม่วงพิเศษ Tailored Purple สำหรับโกสต์ แบล็ค แบดจ์ และสีฟ้า Cobalto Blue สำหรับรุ่น เรธ แบล็ค แบดจ์ ทำให้รู้สึกได้ถึงความโดดเด่นภายในห้องโดยสาร

แสงระยิบจากหลังคาแบบสตาร์ไลท์ และความเงางามของแผงหน้าปัดด้านหน้าสะท้อนประกายวาววับไปทั่วห้องโดยสาร สร้างบรรยากาศที่ลุ่มลึก และบ่งบอกถึงความสมบูรณ์แบบในทุกรายละเอียด

Wraith Black Badge 6

ความเฉียบคมทางวิศวกรรม และเทคโนโลยีของโรลส์-รอยซ์ – “แบล็ค แบดจ์” ผลงานชิ้นเอกในแบบฉบับที่แตกต่าง

ยนตรกรรมทุกคันที่สวมจิตวิญญาณของ “แบล็ค แบดจ์” คือยนตรกรรมที่แตกต่างอย่างชัดเจนจาก       โรลส์-รอยซ์อื่น

โรลส์-รอยซ์ โกสต์ ที่เปิดตัวในปีพ.ศ. 2552 และปรับโฉมใหม่ในปีพ.ศ. 2557 เป็นรุ่นที่มีความพิเศษ เป็นการตีความใหม่ของโรลส์-รอยซ์ ‘ลีมูซีน’ ที่มีความร่วมสมัยมากที่สุด เป็นที่หมายปองของบรรดาเจ้าของธุรกิจ       ผู้ประสบความสำเร็จ ที่ต้องการขับเอง หรือมีคนขับ ส่วน เรธ คืออีกรุ่นหนึ่งของยนตรกรรมสไตล์แกรนด์ ทัวริสโมเหมาะสำหรับขับเองที่ถูกเผยโฉมในปีพ.ศ.2556

การใส่ความเป็น “แบล็ค แบดจ์” ลงไปในกับยนตรกรรมทั้งสองรุ่น โดยที่ไม่ตัดทอนแก่นแท้ดั้งเดิม

“แบล็ค แบดจ์ เป็นความท้าทายสำหรับทีมวิศวกรของโรลส์-รอยซ์ เพราะเราได้รังสรรค์สุดยอดยนตรกรรมมาแล้ว หรือที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก” มร. ฟิลิป โคเฮน ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม บริษัท โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส จำกัด กล่าว “ความเป็นเลิศทางวิศวกรรม และความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี คือหัวใจของแบรนด์โรลส์-รอยซ์ที่ยึดติดอย่างมั่นคงมาตลอด 112 ปีที่ผ่านมา “แบล็ค แบดจ์” ก็เช่นกันที่ทำให้เราต้องตระหนักถึง 2 สิ่งนี้ มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่เราจะต้องมอบประสบการณ์การขับขี่ของ โกสต์ แบล็ค แบดจ์ และ เรธ แบล็ค แบดจ์ ที่สร้างสรรค์จากวิศวกรรมชั้นเยี่ยม ทั้งนี้ รถยนต์แต่ละคันจะต้องมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ขณะเดียวกัน รถยนต์แต่ละคันจะต้องนำเสนอสิ่งที่แตกต่างไปจากรถต้นแบบเดิม นำมาซึ่งความปราดเปรียวในการขับขี่มากยิ่งขึ้น แต่ยังคงแบบฉบับของโรลส์-รอยซ์”

สิ่งสำคัญสำหรับโกสต์ แบล็ค แบดจ์ ก็คือความสะดวกสบายสำหรับผู้นั่งโดยสารด้านหลัง โดยการรักษาไว้ซึ่ง ‘ความนุ่มนวลราวพรมวิเศษ’ ที่เลื่องลือในแบบฉบับของโรลส์-รอยซ์ ทีมวิศวกรใช้เครื่องยนต์ V 12 ขนาด 6.6 ลิตร เพื่อให้โกสต์ แบล็ค แบดจ์ ดุดันยิ่งขึ้น กำลังเครื่องยนต์มีการเพิ่มแรงม้าอีก 40 แรงม้า (30 กิโลวัตต์) เป็น 603 แรงม้า (450 กิโลวัตต์) ให้แรงบิดเพิ่มอีก 60 นิวตันเมตร (840 นิวตันเมตร) เมื่อเทียบกับโกสต์รุ่นปัจจุบัน และมีการยกระดับความเร็วด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำให้โกสต์ แบล็ค แบดจ์ ตอบสนองการใช้งานในเรื่องของพละกำลังได้อย่างรวดเร็ว

ระบบอัจฉริยะ Throttle Response ตอบสนองต่อความเร็ว คำนวณค่าด้วยคอมพิวเตอร์ ควบคุมการทำงานของชุดเกียร์อย่างระมัดระวัง เมื่อเหยียบคันเร่งมากกว่า 25% ชุดเกียร์จะตอบสนองและคงตำแหน่งเกียร์ได้นานกว่า และจะมีการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติที่ระหว่างความเร็ว 200 รอบต่อนาที และ 500 รอบต่อนาทีในเวลาต่อมาขึ้นอยู่กับเกียร์ นอกจากนี้ การเข้าเกียร์ต่ำจะช่วยผ่อนการเหยียบคันเร่งให้น้อยลงได้ โกสต์ แบล็ค แบดจ์ สามารถตอบสนองการขับขี่ได้ดังใจเพียงเหยียบคันเร่งแค่ 20% ทั้งยังให้ความปลอดภัยสูงในภาวะของการหยุดรถ เมื่อผู้ขับขี่แตะเบรค ชุดเกียร์จะปรับตัวเองโดยการลดเกียร์ลงต่ำ ส่งผลให้การทำงานของเครื่องเป็นตัวช่วยเบรคได้อีกทางหนึ่งเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่อย่างมั่นใจ

ระบบช่วงล่าง และการบังคับพวงมาลัย รวมถึงเพลาขับแบบใหม่ ให้ความมั่นใจได้ว่าโกสต์ แบล็ค แบดจ์ จะยังคงให้สัมผัสของการขับขี่ที่นุ่มนวลที่สุด เนื่องจากมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับผู้ขับเป็นพิเศษ

Wraith Black Badge 7

เรธ แบล็ค แบดจ์ คุณค่าที่แตกต่างอย่างสมบูรณ์แบบ

ในฐานะโรลส์-รอยซ์ที่ทรงพลังมากที่สุดในโลก ด้วยขุมพลังถึง 623 แรงม้า (465 กิโลวัตต์) เรธ เป็นยนตรกรรมที่ให้ความสำคัญกับคนขับมากที่สุดเมื่อเทียบกับโรลส์-รอยซ์รุ่นอื่น อย่างไรก็ตาม เราได้ทำความเข้าใจในสไตล์การขับรถของลูกค้ารุ่นใหม่ว่า พวกเขาปรารถนาที่จะขจัดขอบเขตของชีวิตออกไป ทีมวิศวกรของโรลส์-รอยซ์ จึงสร้างสรรค์งานอย่างสุดความสามารถเพื่อให้เป็นรถยนต์คูเป้ท้ายลาดเอียงแบบ fastback แสดงศักยภาพความเป็นเลิศได้อย่างไม่มีใครเทียบ

ด้วยการผสมผสานระหว่างแรงบิด (+70 นิวตันเมตร) กับระบบกันสะเทือนถุงลมที่ออกแบบใหม่ ผนวกกับเพลาขับรุ่นใหม่ และชุดเกียร์ 8 สปีด ทำให้โรลส์-รอยซ์สามารถมอบยนตรกรรมที่ให้ความสำคัญต่อผู้ขับมากยิ่งขึ้น เราได้ เรธ ที่มีความคล่องตัวสูง ขณะที่ยังคงไว้ซึ่งคุณลักษณะในการขับขี่อย่างง่ายดาย และนุ่มนวลราวพรมวิเศษของโรลส์-รอยซ์

และนี่ก็เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ได้รับการยกระดับชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ให้พลังในการขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว ระบบการตอบสนองต่อคันเร่งอัจฉริยะ คำนวณค่าด้วยคอมพิวเตอร์ ควบคุมการทำงานของชุดเกียร์อย่างระมัดระวัง เมื่อเหยียบคันเร่งมากกว่า 25% ชุดเกียร์จะตอบสนองและคงตำแหน่งเกียร์ได้นานกว่า และจะมีการเปลี่ยนเกียร์ที่ความเร็วสูงขึ้นระหว่าง 300 รอบต่อนาที และ 500 รอบต่อนาทีขึ้นอยู่กับเกียร์ ยนตรกรรม เรธ แบล็ค แบดจ์ ยังให้ศักยภาพในการเร่งความเร็วได้มากถึง 6,000 รอบต่อนาที ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนเกียร์โดยอัตโนมัติเมื่อลิ้นปีกผีเสื้อเปิดออกถึง 80-100% เป็นระบบตอบสนองการขับขี่ที่ได้ดังใจเพราะผู้ขับจะสัมผัสได้ถึงพลังเครื่องยนต์ที่แรงมากขึ้น นอกจากนี้ ระบบตอบสนองต่อคันเร่งอัจฉริยะในขณะที่มีการเหยียบคันเร่งถึงระดับกลาง (70 ถึง 80%) การทำงานของชุดเกียร์จะปรับเป็นรูปแบบที่เร็วขึ้น

ระหว่างที่ลดความเร็วลง หรือเมื่อแตะเบรก ชุดเกียร์จะเปลี่ยนมาที่รอบต่ำในเวลาอันรวดเร็ว ระบบช่วยเบรคของเครื่องยนต์จะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ ผู้ขับสามารถทำความเร็วได้ตามต้องการด้วยความปลอดภัยสูงสุด

ความสามารถในการขับขี่จะเพิ่มมากขึ้น ด้วยสมรรถนะของรถที่ตอบสนองต่อการบังคับพวงมาลัยได้ยอดเยี่ยม ให้สมดุลในการเข้าโค้งอย่างราบรื่นให้สัมผัสแห่งความปลอดภัย แม้เมื่อใช้ความเร็วสูง เพราะน้ำหนักของพวงมาลัยจะปรับตามความเร็วของรถ

ด้วยการคำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าของรถและผู้ใช้ถนนทุกคน โรลส์-รอยซ์ได้ยกระดับเทคโนโลยีในการเบรกของ “แบล็ค แบดจ์” ทั้งสองรุ่น โดยเพิ่มขนาดจานดิสก์เบรกหน้าให้ใหญ่ขึ้นอีก 1 นิ้วเพื่อตอบสนองการหยุดรถอย่างรวดเร็ว อีกสิ่งหนึ่งที่เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ก็คือ เรธ แบล็ค แบดจ์ มีการติดตั้งระบบไฟหน้าอัตโนมัติ LED เพื่อทัศนวิสัยที่ดีในเวลากลางคืน